


รากฟันเทียม คืออะไร
รากฟันเทียม คือ วัสดุทดแทนรากฟันที่สูญเสียไป มีลักษณะคล้ายสกรู ทำจากไททาเนียม ซึ่งเป็นวัสดุที่เข้ากับร่างกายมนุษย์ได้ดี รากฟันเทียมจะถูกฝังลงไปในกระดูกขากรรไกร เพื่อรองรับฟันปลอม หรือครอบฟันทดแทนฟันที่หายไป


รากฟันเทียมเหมาะกับผู้ที่สูญเสียฟันแท้ไป 1 ซี่ หรือหลายซี่ เนื่องจากการถอนฟัน อุบัติเหตุ หรือโรคเหงือกอักเสบเรื้อรัง โดยผู้ที่เหมาะกับการทำรากฟันเทียมโดยทั่วไป ได้แก่
- อายุ 18 ปีขึ้นไป
- มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัวร้ายแรง
- มีกระดูกขากรรไกรที่แข็งแรงเพียงพอ
- มีสุขภาพเหงือกที่ดี
ข้อดีของการทำรากฟันเทียม
- ทดแทนรากฟันที่สูญเสียไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติมากที่สุด
- สามารถบดเคี้ยวอาหารได้เหมือนฟันธรรมชาติ
- มีอายุการใช้งานยาวนาน
ข้อสังเกตของการทำรากฟันเทียม
- มีค่าใช้จ่ายสูง
- ใช้เวลาในการรักษานาน
- อาจมีภาวะแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อ เหงือกอักเสบ
ความรู้เกี่ยวกับรากฟันเทียม


รากฟันเทียมเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่สูญเสียฟันแท้ไป การใส่รากฟันเทียมจะช่วยให้สามารถบดเคี้ยวอาหารได้เหมือนฟันธรรมชาติ และทำให้ใบหน้าดูสวยงามขึ้น อย่างไรก็ตาม การทำรากฟันเทียมมีค่าใช้จ่ายสูง และใช้เวลาในการรักษานาน ดังนั้นควรปรึกษาทันตแพทย์ก่อนตัดสินใจทำรากฟันเทียม
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรากฟันเทียม
- รากฟันเทียมสามารถทดแทนฟันแท้ได้ 1 ซี่ หรือหลายซี่ ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของฟันที่สูญเสียไป
- รากฟันเทียมสามารถรองรับฟันปลอม หรือครอบฟันได้หลากหลายรูปแบบ
- รากฟันเทียมสามารถมีอายุการใช้งานยาวนานถึง 20 ปี หรือมากกว่านั้น
การดูแลรากฟันเทียม
รากฟันเทียมต้องการการดูแลเช่นเดียวกับฟันธรรมชาติ ควรแปรงฟัน และใช้ไหมขัดฟันอย่างสม่ำเสมอ ควรไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพฟัน และทำความสะอาดรากฟันเทียมเป็นประจำ
ค่าบริการ ในการทำรากฟันเทียม
รากฟันเทียม
45,000 – 65,000 บาท
ขั้นตอนการทำรากฟันเทียม
ขั้นตอนการทำรากฟันเทียมโดยทั่วไปมี 3 ขั้นตอน ดังนี้
- ขั้นตอนที่ 1 : ทันตแพทย์จะทำการใส่รากฟันเทียมเข้าไปในกระดูกขากรรไกร ใช้เวลาประมาณ 30-60 นาที
- ขั้นตอนที่ 2 : รอให้รากฟันเทียมเชื่อมติดกับกระดูกขากรรไกร ซึ่งใช้เวลาประมาณ 3-6 เดือน
- ขั้นตอนที่ 3 : ทันตแพทย์จะทำการใส่ครอบฟัน หรือฟันปลอมบนรากฟันเทียม
ทันตแพทย์ผู้ดำเนินการรักษา

A title
Image Box text
ทพญ.ปรมุนี จิตรีขันธ์
ประวัติการศึกษา
- ทันตแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ปี 2551
- ทันตกรรมรากเทียม สมาคมรากเทียมแห่งประเทศไทย ปี 2559
- Invisalign Provider
ประวัติการทำงาน
เจ้าของคลินิก 2 สาขา
- คลินิกทันตกรรมบีซีดีซี สาขา บิ๊กซี สุขาภิบาล 5
- คลินิกทันตกรรมบีซีดีซี สาขา เพิ่มสิน 64
Big Care Dental Clinic
คลินิกทันตกรรมบีซีดีซี ดีอย่างไร

เชี่ยวชาญ
ทันตแพทย์มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี

ชำนาญ
ทีมแพทย์อบรมฝึกฝนมาเป็นอย่างดี มีความชำนาญในการรักษา

มาตรฐาน
เครื่องมือทันสมัย สถานที่สะอาด ปลอดเชื้อโรค มาตรฐานระดับสากล

รางวัล
ผลิตภัณฑ์แท้ทุกชิ้น มีรางวัลรับรอง จากตัวแทนผู้จัดจำหน่าย

ดูแล ใส่ใจ
บริการด้วยใจ ยินดีให้คำปรึกษา ดูแลทั้งก่อน และหลังทำฟัน อย่างใกล้ชิด

THAISTOPCOVID+
ผ่านมาตรฐานความปลอดภัย ป้องกันโควิด-19 จากกรมอนามัย
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำรากฟันเทียม
การทำรากฟันเทียมโดยทั่วไปจะแบ่งเป็น 2 ครั้ง ครั้งแรกคือการผ่าตัดฝังรากฟันเทียมลงในกระดูกขากรรไกร ซึ่งใช้เวลาประมาณ 30-60 นาที ครั้งที่สองคือการผ่าตัดใส่ฟันปลอม หรือสะพานฟันบนรากฟันเทียม ซึ่งใช้เวลาประมาณ 30-60 นาทีเช่นกัน
การทำรากฟันเทียมโดยทั่วไปจะไม่เจ็บมาก เนื่องจากแพทย์จะใช้ยาชาในการระงับความรู้สึก อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยอาจรู้สึกเจ็บเล็กน้อยหลังการผ่าตัด ซึ่งสามารถรับประทานยาแก้ปวดตามที่แพทย์สั่งได้
รากฟันเทียมสามารถอยู่ได้นานหลายปีหรือตลอดชีวิต ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาของผู้ป่วย หากผู้ป่วยดูแลรักษาความสะอาดช่องปาก และรากฟันเทียมอย่างสม่ำเสมอ รากฟันเทียมก็จะมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น
โดยทั่วไปแล้ว ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพทั่วไป เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคหัวใจ ก็สามารถทำรากฟันเทียมได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิด เช่น โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง โรคเลือดบางชนิด โรคมะเร็งบางชนิด อาจจำเป็นต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนทำรากฟันเทียม
ระยะเวลาในการทำรากฟันเทียมขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ประเภทของรากฟันเทียม จำนวนรากฟันเทียมที่ต้องการทำ สภาพกระดูกขากรรไกรของผู้ป่วย โดยทั่วไปแล้ว การทำรากฟันเทียมจะใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือน แบ่งเป็นการผ่าตัดฝังรากฟันเทียมครั้งแรก และการผ่าตัดใส่ฟันปลอม หรือสะพานฟันบนรากฟันเทียมครั้งที่สอง
รากฟันเทียมสามารถหลุดได้หากผู้ป่วยดูแลรักษารากฟันเทียมไม่ดี เช่น ไม่แปรงฟัน หรือใช้ไหมขัดฟันอย่างสม่ำเสมอ ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวบางชนิด เช่น โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง โรคเลือดบางชนิด โรคมะเร็งบางชนิด อาจมีโอกาสที่รากฟันเทียมจะหลุดได้มากกว่าผู้ป่วยทั่วไป
รากฟันเทียมไม่สามารถรักษาโรคเหงือกได้ อย่างไรก็ตาม การทำรากฟันเทียมสามารถช่วยป้องกันโรคเหงือกได้ เนื่องจากรากฟันเทียมจะยึดติดกับกระดูกขากรรไกร ทำให้เหงือกไม่มีอาการอักเสบ หรือบวม
รากฟันเทียมมีความเสี่ยงเช่นเดียวกับการผ่าตัดทั่วไป เช่น การติดเชื้อ เลือดออก บวม ช็อก การเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ เป็นต้น นอกจากนี้ รากฟันเทียมอาจหลุดได้หากผู้ป่วยดูแลรักษารากฟันเทียมไม่ดี